การหายสาบสูญของเที่ยวบิน MH370
![]() |
แผนที่การคำนวณ จุดที่น่าจะตก |
มาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 370 (MH370) เป็นเที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศที่สูญหายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2557 ระหว่างบินจากท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ประเทศจีน บรรทุกผู้โดยสาร 227 คน เป็นเวลายาวนานที่เที่ยวบินโดยสารนี้ได้หายสาบสูญ จนถึงปัจจุบันก็ยังค้นหาไม่พบ คำถามคือ หายไปจากจอเรด้าห์ เเละดาวเทียมสังเกตการได้อย่างไร นี่ยุคสมัยใหม่เเล้ว เรามีสัญญาณที่จับได้ทั่วโลก มีคลื่นวิทยุที่สามารถดักจับหรือดักฟังได้หมด ประเทศมหาอำนาจซึ่งทำได้เเน่นอน เเต่ทำไมถึงค้นหาเครื่องบิน MH370 ไม่เจอ เครื่องบินลำนี้หายไปไหน ประเทศที่รู้เห็นเกี่ยวข้องมีไม่ตํ่ากว่า 10 ประเทศ
การสูญหายของเครื่องบิน MH370 เริ่มต้นจากบริษัทหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาขนวัตถุนิวเคลียร์ และอาวุธชีวภาพ เเละชิพคอมพิวเตอร์วงจรไฮเทคระดับสูงใส่ตู้คอนเทนเนอร์ ด้วยเรือที่ติดธงสัญชาติสหรัฐมาที่เกาะเล็กๆ ชื่อสาธารณรัฐเซเชลส์ (Seychelles) ที่อยู่ทางตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย จากนั้นจะขนต่อมาที่ประเทศมาเลเซีย ใส่ตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นเครื่องบิน MH370 จะนำไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ประเทศจีน มีผู้โดยสารไต้หวันจะไปลงท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง เพื่อไปขายถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับประเทศจีน เมื่อจีน และรัสเซียรู้เรื่องนี้จากสายลับระดับสูง จึงวางแผนจะบังคับเครื่องบินเที่ยว MH370 ไปลงที่สนามบินไหหลำของจีน เพื่อตรวจดูว่าในตู้คอนเทนเนอร์คือสินค้าอะไรกันแน่ เเต่สายลับสหรัฐก็รู้เหมือนกันจึงต้องเข้าขัดขวาง เพื่อไม่ให้เทคโนโลยีสำคัญตกไปอยู่กับจีน เเละรัสเซีย
ก่อนเครื่องบินจะขึ้นมีความผิดปกติ คือ มีการสังหารเจ้าหน้าที่สหรัฐหน่วยซีลเครื่องเเบบนอกราชการ ที่มีความเชี่ยวชาญการรบระดับสูง เเละมีทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าคุ้มครองสินค้าตู้คอนเทนเนอร์เเทน ภายในเครื่องบิน ทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าไปในห้องนักบินทำการปิดระบบเรด้าห์ที่ใช้สำหรับส่งตำแหน่งเครื่องบินพาณิชย์ ให้หอควบคุมการบินทราบตำแหน่งละติจูด โดยมีการปิดระบบนี้ ทำให้สัญญาณตำแหน่งเครื่องบินหายไปจากจอเรด้าห์ภาคพื้นดินทันที ก่อความโกลาหลขึ้นในเวลาต่อมา เเต่เรื่องนี้ถูกปกปิดข่าวอยู่
ทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษจี้เครื่องบิน MH370 หันทิศทางเครื่องบินกลับด้าน ย้อนมาทางเดิมมุ่งหน้าไปทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษเตรียมพร้อมใส่อุปกรณ์หน้ากากอ๊อกซีเจนรับการเปลี่ยนแปลงความดันเฉียบพลัน ทำการปรับเพดานบินจาก 25,000 ฟุต พุ่งโด่งขึ้นสูงเกินกำหนดไปที่ 45,000 ฟุต และทิ้งตัวลดเพดานบินลงต่ำอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้หน้ากากอ๊อกซิเจนตกลงมาอัตโนมัติในห้องผู้โดยสารทีนที เเละผู้โดยสารทั้งหมดรีบคว้ามาครอบปาก และจมูกทันที ทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษตัดอ๊อกซิเจนในห้องผู้โดยสารทั้งหมด เหลือไว้เฉพาะห้องบังคับเครื่องบิน เเละบังคับบินลดต่ำลงเหลือ 5,000 ฟุต ส่งผลให้ผู้โดยสารน๊อคเสียชีวิตไปทั้งหมดทันที จากการเปลี่ยนแปลงความดันนี้ ไม่มีใครสามารถบังคับเครื่องบินได้เลย เป็นเวลานานหลายชั่วโมง
![]() |
เครื่องบิน บี-2 สปีริท |
Comments
Post a Comment