Ufocia

บ๊อบ ลาซาร์ บ๊อบ ลาซาร์ (Bob Lazar) นักฟิสิกส์ ผู้เปิดเผยความลับกองทัพสหรัฐ โดยทำการเปิดเผยพูดออกสื่อว่า กองทัพสหรัฐกำลังทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาวภายในเเอเรีย 51 เพื่อศึกษาเทคโนโลยีต่างดาว เเละทำวิศวกรรมย้อนกลับ (Reverse Engineering) เพื่อนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์เเก่มวลมนุษยชาติ เช่น เครื่องบินทิ้งระเบิด, เครื่องบินสอดเเนม, อาวุธเเสงเลเซอร์, เทคโนโลยีสอดเเนมการสื่อสารทั่วโลก เป็นต้น นักข่าวถามลาซาร์ว่า กองทัพสหรัฐปกปิดหลักฐานได้อย่างไร ลาซาร์ กล่าวว่า "ก่ออาชญากรรมต่อนักวิทยาศาสตร์" เเอเรีย 51 แอเรีย 51 (Area 51) ฐานทัพลับของกองทัพอากาศสหรัฐ (USAF) ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบกรูมเลก ทางตอนใต้ของรัฐเนวาดา ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในทะเลทราย ท่ามกลางความปลอดภัยอย่างเข้มงวด กินพื้นที่ 155 ตารางกิโลเมตร มีเรดาร์คอยตรวจตราผู้บุกรุกตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าพบผู้บุกรุกบินเหนือน่านฟ้าหรือเข้าใกล้พื้นที่มากๆ จะส่งเฮลิคอปเตอร์สีดำเข้าสกัดทันที ด้วยข้อมูลที่เป็นความลับมาก ทำให้ตกเป็นทฤษฎีสมคบคิดมาโดยตลอด เช่น สถานที่ใช้สร้างฉากหลอกลวงให้ชาวโลกดูนีลอาร์มสตรองเหยียบดวงจันทร์ สถานที่ศึกษา

ดวงตามนุษย์ต่างดาวเรปทิเลียน มนุษย์ต่างดาวเรปทิเลียน (Reptilian humanoid) ประเภทสัตว์เลื้อยคลาน กึ่งมนุษย์กึ่งสัตว์เลื้อยคลาน ตัวสีเขียว รูปร่างคล้ายมนุษย์ มี 2 เเขน 2 ขา มีผิวหนังลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปร่างตัวเองมาอาศัยปะปนอยู่กับสังคมมนุษย์โลก มาจากระบบดาวเคราะห์อันไกลโพ้น ลักษณะตามคำบอกเล่าของพยาน มีร่างกายที่สูงถึง 7-9 ฟุต ผิวหนังสีเขียว และเป็นเกล็ด มนุษย์ต่างดาวเรปทิเลียน - มนุษย์โลก ภาพ : wikimedia สิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวเรปทิเลียน คือ พวกเขาต้องการยึดครองโลกมนุษย์ของเรา ซึ่งมีการแทรกซึมมาอยู่ร่วมกับมนุษย์ตั้งแต่ในสมัยอดีตกาล การลักพาตัวมนุษย์โลกเป็นฝีมือของพวกมนุษย์ต่างดาวเกรย์ประมาณ 80% และอีก 20% เป็นฝีมือของพวกมนุษย์ต่างดาวเรปทิเลียน เเละมนุษย์ต่างดาวดาวเคราะห์อื่น นักวิจัยยูเอฟโอเสนอว่า นักการเมืองหลายคนบนโลกนี้ก็คือมนุษย์ต่างดาวเรปทิเลียน ด้วยความสามารถในการเปลี่ยนรูปร่างได้ ประกอบกับบุคลิกที่มีความเป็นผู้นำที่เฉลียวฉลาด จึงทำให้พวกเขากลายเป็นผู้นำในด้านต่างๆ ของสังคมมนุษย์โลก จึงทำให้มนุษย์ต่างดาวเ

ค้นหาเอง เจอจริงๆ  ภาพ : Google Earth Pro  วาเลนติน เดเทเรฟ (Valentin Degtyarev) นักวิจัยยูเอฟโอ ชาวรัสเซีย ผู้ค้นพบยูเอฟโอตกในกูเกิลเอิร์ธ (Google Earth) จากภาพถ่ายในภูมิภาคแอนตาร์กติกา ซึ่งเป็นทวีปแอนตาร์กติกาเป็นทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก มีพื้นที่ประมาณ 14,000,000 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ 98% ของทวีปแอนตาร์กติกาปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาเฉลี่ย 1.9 กิโลเมตร ภาพยูเอฟโอตกแสดงให้เห็นถึงวัตถุจานบินสีดำฝังอยู่บริเวณน้ำแข็งอยู่ที่พิกัด 80°34’08.4″S 30°05’19.3″W อ้างอิง :  GoogleEarth

เมื่อปี ค.ศ. 2012 นักโบราณคดีค้นพบวัตถุโบราณที่ดูเหมือนโทรศัพท์มือถือที่มีปุ่ม (Babylonokia) ที่เมืองซัลซเบิร์ก ประเทศออสเตรีย วัตถุโบราณมีสัญลักษณ์ปุ่มกดเป็นตัวอักษรคูนิฟอร์ม ซึ่งเป็นตัวอักษรของอารยธรรมสุเมเรียน อายุราว 800 ปี นักโบราณคดีได้ถอดรหัสสัญลักษณ์ปุ่มต่างๆ สันนิษฐานว่า เป็นโทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อกันระหว่างทวีปหรือระหว่างดวงดาว เเต่การค้นพบเป็นเรื่องแปลก เพราะถูกพบที่ประเทศออสเตรีย แทนที่จะเป็นประเทศอิหร่าน หรือประเทศอิรักที่เป็นที่อยู่อาศัยของชาวสุเมเรียน เมื่อปี ค.ศ. 1958 นักโบราณคดีค้นพบชามฟวนเตแมกน่า (Fuente Magna) ใกล้กับทะเลสาบตีตีกากา (Lake Titicaca) เมืองลาปาซ ประเทศโบลิเวีย สิ่งที่น่าสนใจ คือ 2 วัตถุโบราณมีสิ่งที่คล้ายกัน คือ ชามฟวนเตแมกน่ามีอักษรคูนิฟอร์มเหมือนกับ โทรศัพท์มือถือโบราณที่ค้นพบในปี 2012 เซชาเรีย ซิทชิน  (Zecharia Sitchin) นักวิจัยยูเอฟโอ กล่าวว่า  " มนุษย์ต่างดาวที่ปรากฏตัวอยู่บน ชามฟวนเตแมกน่า คือ  มนุษย์ต่างดาวที่รู้จักกันในชื่ออานูนาคี  (Anunnaki)   ผู้มาจากดาวนิบิรุ ผู้มี 4 นิ้ว ผู้สร้างอารยธรรมสุเมเรียน ผู้มอบเทคโนโลยีการสื่อสา

วงในเปิดเผยข้อมูลลับชั้นความมั่งคงลับสุดยอดเปิดเผยว่า ยูเอฟโอปรากฏตัวเหนือมหาสมุทรแอตแลนติกในเดือนมีนาคมปี ค.ศ. 1971 โดยเรือดำน้ำจู่โจม USS Trepang ของสหรัฐอเมริกา กำลังเดินทางอยู่ระหว่างประเทศไอซ์แลนด์ใกล้เกาะแจนมาเยนของนอร์เวย์ในมหาสมุทรแอตแลนติก ได้พบวัตถุประหลาดลอยอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นที่ฮือฮาอย่างมาก โดยภาพที่ถูกถ่ายไว้ได้ถูกเปิดเผยโดยนิตยสารของฝรั่งเศสที่ชื่อว่า Top Secret เเละเปิดเผยโดย The Black Vault หลักฐานระบุชัด UFO vs USS Trepang 1971 ภาพถ่ายถูกถ่ายจากเรือดำน้ำกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาจริง สถานที่อยู่ระหว่างประเทศไอซ์แลนด์เกาะ Jan Mayen มหาสมุทรแอตแลนติก (Jan Mayen เป็นประเทศนอร์เวย์และอาศัยอยู่โดยสถาบันอุตุนิยมวิทยานอร์เวย์และกองทัพนอร์เวย์เท่านั้น) พวกเขาถ่ายเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1971 เรือดำน้ำคือกองทัพเรือ USS Trepang (SSN 674) มีพลเรือเอกบนเรือชื่อ Dean Reynolds Sackett เรือดำน้ำ USS Trepang ขณะที่พวกเขาอยู่ในระหว่างการเดินทาง มีทหารประจำการ นักวิทยาศาสตร์ เเละเจ้าหน้าที่ระดับสูง John Klika เป็นคนแรกที่ค้นพบยูเอฟโอด้วยกล้องโทรทรรศน์ 13 กรกฎาคม

เครื่องจักรกลแอนติไกเธอร่า เครื่องจักรกลแอนติไกเธอร่า (Antikythera Machine) ค้นพบที่ทะเลเกาะไอโอเนียน (Ionian Islands) ประเทศกรีซ เมื่อปี ค.ศ. 1900 ทีมนักดำน้ำตัดสินใจจะลองหาฟองน้ำ (Sponge) บนโขดหินนอกเกาะแอนติไกเธอร่า แต่เรือโดนพายุเล่นงานเข้าทำให้เรือออกนอกเส้นทาง ในสถาวะสับสนนี้ กัปตัน ดีมีทรีออส คอนดอส ผู้บังคับเรือ ตัดสินใจนำเรือไปบริเวณน้ำนิ่งทางทิศเหนือของเกาะแอนติไกเธอร่า จอดเรือพักคอยแล้วคอยเล่า พายุก็ไม่สงบ เวลาผ่านไป 2-3 วัน ลูกเรือเบื่อจึงหาอะไรข้ามเวลา โดยการดำน้ำหาฟองน้ำบนโขดหิน ลูกเรือคนหนึ่งชื่อ อลายอัส สตาเดียตีส ผู้ค้นพบเรืออับปางยุคปี ค.ศ. 50 ที่บรรทุกรูปปั้นเต็มลำ ที่ความลึก 140 ฟุต การค้นพบเรืออับปางทำให้รัฐบาลกรีซเข้ามาช่วยเหลือในการกู้สมบัติ ใช้เวลา 9 เดือน นำเอารูปปั้นหินอ่อน และบรอนซ์ขึ้นมา เพื่อนำไปพิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติในกรุงเอเธนส์ เครื่องจักรกลแอนติไกเธอร่า เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 1902 สปิริดอน สไตส์ (Spyridon Stais) นักโบราณคดี ได้เดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติในกรุงเอเธนส์ เขาสังเกตเห็นสมบัติรูปร่างคล้ายนาฬิกาผุพัง เขาได้ประกาศสิ่งท

บอยด์ บุชแมน บอยด์ บุชแมน (Boyd Bushman) วิศวกรอาวุโส ผู้เปิดเผยความลับกองทัพสหรัฐ ทำงานให้บริษัทล็อกฮีดมาร์ติน (Lockheed Martin) เขาทำงานในแอเรีย 51 (Area 51) เขาได้ทำการบันทึกวีดีโอเอาไว้ เพื่อเผยแพร่ประสบการณ์ตอนที่เขาทำงานอยู่ เขากล่าวว่าทำงานเกี่ยวกับยูเอฟโอ และเทคโนโลยีต้านแรงโน้มถ่วง ซึ่งเเอเรีย 51 มีการแอบพัฒนาเทคโนโลยีจากต่างดาวอย่างลับๆ เพื่อปรับใช้ให้เข้ากับมนุษย์ บอยด์ บุชแมน บอยด์ บุชแมน แสดงภาพมนุษย์ต่างดาวที่ถูกถ่ายจากกล้องที่ใช้แล้วทิ้งจากในแอเรีย 51 บุชแมน กล่าวว่า "สำหรับเรื่องยูเอฟโอ เรามีทีมงานที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ในการศึกษาค้นคว้ายูเอฟโอ และเทคโนโลยีจากต่างดาว เราพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำ มีมนุษย์ต่างดาวทำงานร่วมกับมนุษย์ เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวค่อนข้างจะล้ำหน้ากว่าเรามาก มนุษย์ต่างดาวสามารถเดินทางได้เร็วเทียบเท่ากับแสง ส่วนใหญ่จะมาจากดวงดาวที่อยู่ห่างจากโลกราว 68 ปีแสง มนุษย์ต่างดาวมีความสูง 1.5 เมตร มีนิ้วมือนิ้วเท้าเหมือนมนุษย์ มีอายุขัยที่นานกว่ามนุษย์ ที่สำคัญคือ พวกเขาสามารถติดต่อสื่อสารกันผ่านกระแสจิต" อ้างอิง :

ฟิล ชไนเดอร์ ฟิล ชไนเดอร์ (Phil Schneider) วิศวกร ผู้เปิดเผยความลับกองทัพสหรัฐ เมื่อปี ค.ศ. 1979 เขาทำงานในฐานทัพใต้ดิน ฐานทัพลับรหัส DUMBs ฐานทัพลับก่อสร้างอย่างลับๆ ใช้เวลาการก่อสร้าง 40 ปี ค.ศ. 1947-1987 มีรางรถไฟความเร็วสูง บรรทุกเจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น เจ้าหน้าที่ซีไอเอ, เจ้าหน้าที่นาซ่า, นักวิทยาศาสตร์, นักโบราณคดี, วิศวกร, บุคคลหัวกะทิ โครงสร้างฐานทัพลับมีความลึกเทียบเท่าตึกมากกว่า 100 ชั้น ได้รับการคุ้มกันอย่างเเน่นหนา หลังจากสงครามโลกยุติ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์เยอรมนีเดินทางมายังสหรัฐอเมริกา ได้รับสนับสนุนโดยกองทัพสหรัฐ เพื่อวิจัยหาสัญญาณมนุษย์ต่างดาวในกาเเล็กซี่ทางช้างเผือก ต่อมา ได้รับรู้ว่า มนุษย์ไม่ได้อยู่ตามลำพังในจักรวาล โครงสร้างฐานทัพลับทั่วสหรัฐ มีการเชือมต่อกัน ด้วยรถไฟความเร็วสูง เมื่อปี ค.ศ. 1995 ฟิลชไนเดอร์เสนอรูปภาพมนุษย์ต่างดาว เขาพูดก่อนเสียชีวิตในที่ประชุมยูเอฟโอ กล่าวว่า "เจ้าหน้าที่จากนอกโลกนามว่าทอร์ ผู้มีเมตตาเป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาววีนัส ผู้ทำงานร่วมกับกองทัพสหรัฐ ทอร์เคยทำงานกับกองทัพสหรัฐตั้งแต่ปี ค.ศ. 1948 ทอร์ช่วยสร้างฐานทัพใต้ดิน และท

โครงกระดูกมนุษย์ต่างดาว โครงกระดูกมนุษย์ต่างดาว (Atacama Skeleton) ค้นพบที่ทะเลทราย ประเทศชิลี เมื่อปี ค.ศ. 2003 ค้นพบซากโครงกระดูกมนุษย์ หัวโตคล้ายกับเอเลี่ยน มีความยาว 6 นิ้ว ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเผยผลการตรวจสอบ ดังนี้ สตีเวน เอ็ม. กรีเออร์ (Steven M. Greer) นักวิจัยยูเอฟโอ อธิบายว่า มันอาจจะเป็นซากของทารก ได้นำเอาชิ้นส่วนไปตรวจเพื่อเปรียบเทียบพันธุกรรม พบว่าเป็นซากทารกเพศชาย พบโครงสร้างสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ มีทางเดินอาหาร การหายใจ และกระบวนการขับถ่าย ด้วยโครงสร้างที่มีขนาดเล็ก มีส่วนกะโหลกศีรษะเรียวยาว มีซี่โครง 10 คู่ แทนที่จะเป็น 12 คู่ ขนาดลำตัวเล็กมากชนิดที่ว่าสามารถวางไว้บนฝ่ามือได้สบายๆ เเกรี่ โนลัน (Garry Nolan) ศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ตรวจสอบโครงกระดูกมนุษย์ต่างดาวใหม่หมด เพื่อวิเคราะห์อย่างละเอียด โดยอาศัยเครื่องมือทางการแพทย์สมัยใหม่ ตั้งแต่เครื่องเอกซเรย์ เครื่องสแกนคอมพิวต์โทโมกราฟี และการจำแนกดีเอ็นเอ โดยเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากกระดูกซี่โครงซี่หนึ่งมาใช้ในการวิเคราะห์ เมื่อประมวลข้อมูลทำให้สามารถชี้ชัดได้ว่า ความเ

ดาวเทียมแบล็กไนต์ อัศวินดำ ภาพ : nasa ดาวเทียมแบล็กไนต์ อัศวินดำ (Black Knight satellite) เป็นดาวเทียมที่โคจรรอบโลก ถูกคาดการณ์โดยนักทฤษฎีสมคบคิดว่า เป็นดาวเทียมที่ถูกส่งมาจากมนุษย์ต่างดาวเมื่อราว 13,000 ปีที่แล้ว โดยดาวเทียมประหลาดนี้ถูกเล่าขานกันมานานหลายทศวรรษ หลักฐานเกี่ยวกับดาวเทียมดวงนี้สื่อรายงานว่า เป็นสัญญาณวิทยุต่างดาวในปี ค.ศ. 1899 และ ค.ศ. 1928 เนื่อกจากขณะนั้นมนุษยชาติยังไม่มีดาวเทียมเป็นของตนเองจึงเชื่อว่า ดาวเทียมดวงนี้เป็นยานอวกาศที่โคจรรอบโลกของเรา ค.ศ. 1899 นิโคลา เทสลา นักประดิษฐ์ กำลังทำการทดลอง เขาได้รับสัญญาณวิทยุประหลาดจากนอกโลก ค.ศ. 1928 เยอร์เกิน ฮัลส์ นักวิทยุสมัครเล่นในกรุงออสโล ได้ยินเสียงก้องประหลาดจากนอกโลก ค.ศ. 1973 ดังคัน ลูนัน นักเขียนชาวสกอตแลนด์ ได้วิเคราะห์สัญญาณวิทยุที่ตรวจรับได้ได้คาดการณ์ว่า ดาวเทียมดวงนี้น่าจะเป็นของมนุษย์ต่างดาวที่มีอายุราว 13,000 ปีมาแล้ว โดยเขากล่าวว่า "ดาวเทียมดังกล่าวน่าจะมีต้นกำเนิดมาจากระบบดาวเอปไซลอนคนเลี้ยงสัตว์ ซึ่งอยู่ห่างจากโลก 203 ปีแสง" ค.ศ. 1988 องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) ไ